วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เมื่ออ่านข่าวแล้ว ควรพิจารณาอย่างไร?


ในประวัติศาสตร์โลก ความขัดแย้งทั้งใหญ่เล็ก เช่น สงครามโลก สงครามเย็น สงครามแย่งชิงอำนาจ สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปคือ การโฆษณาชวนเชื่อเพื่อแย่งชิงมวลชนและสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายตัวเอง

ในสงครามโลกครั้งที่สอง นาซีฆ่าคนยิวหลายล้านคน จุดประสงค์เพื่อยึดทรัพย์มาเป็นทุนทำสงคราม ตอนนั้นเยอรมัน เศรษฐกิจย่ำแย่มาก เพราะแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แล้วต้องจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามให้ประเทศผู้ชนะ รัฐบาลไม่มีเงิน  คนยิวในยุโรปก็เหมือนคนจีนในเอเชียที่ยึดกุมเศรษฐกิจของประเทศไว้ ดังนั้นฮิตเลอร์จึงต้องสร้างความชอบธรรมในการ ยึดทรัพย์คนยิว ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อว่า คนยิวเห็นแก่ตัว บ่อนทำลายชาติ หากจะสร้างชาติพันธุ์อริยะแห่งเยอรมัน  ต้องกำจัดยิว การโฆษณาได้ผล จนชาวเยอรมันเกลียดยิวยิ่งกว่าขี้ หน่วยเอสเอสของฮิตเลอร์จับยิวไปฆ่าได้มากมายด้วย ความช่วยเหลือของชาวบ้าน ซึ่งก่อนหน้าก็เคยเป็นเพื่อนบ้านที่รักกันดี เคยมีบุญคุณช่วยเหลือกันมา บางทีก็เป็นญาติกัน  เป็นเพื่อนเรียน เป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นครูสอนหนังสือ แต่ความหลงผิดบังตา ก็แจ้งตำรวจมาจับเพื่อนยิวไปเข้าค่ายกักกัน  จับรมแก๊สตายไป 6 ล้านคน เนี่ยแหละพิษภัยของการโฆษณาชวนเชื่อ พอหลังสงคราม คนเยอรมันนึกย้อนกลับไป ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมตอนนั้นเกลียดยิวมาก ชาวบ้านทั่วไปเป็นเหยื่อของผู้มีอำนาจที่จะชักจูงไปตามที่เขาปรารถนา

ส่วนพวกเราอยู่เมืองไทยไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย แต่ลองไปถามเด็กไทยดูว่า ฮิตเลอร์เลวไหม เชื่อว่าตอบตรงกัน นั่นเพราะอะไร เพราะผู้ชนะเป็นคนเขียนประวัติศาสตร์ หนังฮอลลีวูดสร้างเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อไร ฮิตเลอร์ก็เป็นผู้ร้ายตลอด อเมริกาเป็นพระเอกเสมอ แต่ความจริงในประวัติศาสตร์บอกเราว่า ในสงครามไม่มีใครถูก มีแต่คนผิด เพราะเป็นการแก่งแย่งผลประโยชน์กัน

ในสงครามลัทธิการปกครองระหว่างประชาธิปไตยกับคอมมิวนิสต์ ก็เป็นอีกฉากของสงครามการโฆษณาชวนเชื่อ รัฐบาลไทยยุคนั้นต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ก็หลอกชาวบ้าน ว่าหากคอมมิวนิสต์ชนะจะถูกยึดทุกอย่างเป็นของกลาง แม้แต่เมีย เมืองไทยก็จะเป็นเมืองขึ้นของจีน เวียดนาม แล้ววาดรูปพวกคอมมิวนิสต์เป็นปีศาจเป็นยักษ์มาร เพราะอธิบายเรื่องการปกครอง แล้วชาวบ้านไม่รู้เรื่อง ส่วนฝ่ายคอมฯก็หลอกชาวบ้านว่า นายทุนเป็นคนสามานย์ ใครรวยคนนั้นเป็นคนขูดรีดชาวบ้าน พระก็กลายเป็นคนเล่าเรื่องหลอกลวงล้างสมอง เป็นขี้ข้านายทุน สรุปคือ ชาวบ้านทั่วไปเป็นเหยื่อถูกหลอกทั้งสองฝ่าย 

อีกตัวอย่างหนึ่งในจีน หลังจากคอมมิวนิสต์จีนชนะก๊กมินตั๋ง ได้อำนาจปกครองประเทศ แต่เหมาเจ๋อตง เป็นอดีตครูบ้านนอก  เก่งเรื่องการพูด การเขียนโน้มน้าว แต่บริหารประเทศไม่เป็น จึงเกิดขุมอำนาจใหม่ในพรรคคอมมิวนิสต์ที่นำโดยเติ้งเสี่ยวผิง  กลุ่มของเหมาเริ่มสูญเสียอำนาจการนำในพรรค จึงประกาศนโยบายการปฏิวัติวัฒนธรรม นำโดยหลินเปียว และแก๊งค์ออฟโฟร์ คือมาดามเจียงชิง(เมียคนที่ 4 ของเหมา)และพวกรวมสี่คน ก่อตั้งกลุ่มเรดการ์ดหรือยุวชนแดงขึ้น เพื่อทำลายคู่ แข่งทางการเมืองในพรรคคอมมิวนิสต์ ก็โฆษณาชวนเชื่อเรื่องพิษภัยของนายทุน ความรู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับลัทธิคอมมิวนิสต์(เรียกว่า ลัทธิแก้) เช่น วรรณกรรมโบราณ งานศิลปะ นิยายประโลมโลก ความรู้สมัยใหม่ของฝ่ายตะวันตก  โดยปลุกระดมนักศึกษาของจีนให้เข้าร่วมกลุ่ม ชวนเชื่อจนเกิดความบ้าคลั่งในลัทธิเหมา บูชาเหมาประดุจพระเจ้า ใครวิจารณ์เหมา จะถูกตั้งข้อหาว่าฝักใฝ่นายทุน ตอนนั้นเกิดการต่อสู้ทำลายล้างกันอย่างรุนแรง ฆ่ากันกลางเมืองลุกลามไปทั่วประเทศจีน ลูกจับพ่อแม่มาแห่ประจานแล้วทรมาน ด้วยข้อหาฝักใฝ่นายทุน ลูกศิษย์ก็แจ้งจับครูบาอาจารย์ บางคนเพียงแค่มีญาติอยู่ต่างประเทศ ก็โดนข้อหาว่าฝักใฝ่ทุนนิยม เหตุการณ์นั้นได้ทำลายโบราณวัตถุ หนังสือ งานศิลปะ และวัดวาอารามอันมีค่าไปมากมาย บรรดาผู้ดีเก่า ปัญญาชน ศิลปินหัวอนุรักษ์นิยม ครูสอนหนังสือ พระสงฆ์ ถูกจับแห่ประจาน  ทรมาน จับแขวนคอกลางเมือง บางคนถูกทรมานจนตาย บางคนรับไม่ได้ก็ฆ่าตัวตาย

เหมาเจ๋อตงอยู่หลังฉาก แต่ให้เมียออกหน้า ยัดข้อหาฝักใฝ่นายทุนให้ฝ่ายเติ้งเสี่ยวผิง กำจัดคู่แข่งทางการเมืองไปในคราวเดียวกัน เติ้งเสี่ยวผิงถูกปลด จับไปทรมานในคุก หลิวซ่าวฉี (อดีตประธานาธิบดี) ถูกจับไปตายในคุก โจวเอินไหลรอดเพราะเก่งมาก เป็นที่รู้จักในระดับโลก  แต่ก็ถูกลดอำนาจลง ในเหตุการณ์นั้นประมาณการว่ามีคนถูกฆ่าตาย 15-20 ล้านคน แต่ออกข่าวว่าตาย 1.5 ล้านคน มีคนฆ่าตัวตายถึง 2 แสนคน เหมาได้อำนาจกลับคืนมา คู่แข่งการเมืองตายเกลี้ยง เหลือเพียงเติ้งเสี่ยวผิงอยู่ในค่ายใช้แรงงาน  ภายหลังเหมาตาย เติ้งเสี่ยวผิงก็ออกมายึดอำนาจ จับแก็งค์ออฟโฟร์เข้าคุก ตอนนี้แก็งค์ออฟโฟร์ก็กลายเป็นผู้ร้ายในสายตาชาวบ้านไป ส่วนเหมาตายไปแล้ว จึงถูกยกไว้ในฐานะเป็นสัญลักษณ์ผู้ก่อตั้งลัทธิคอมมิวนิสต์จีน เมื่อไม่นานนี้เยาวชนจีนที่เคยอยู่กลุ่มเรดการ์ดที่ยังมีชีวิตอยู่ ออกมาให้สัมภาษณ์สารภาพผิดว่า ตอนนั้นบ้าคลั่ง กล่าวขอขมาแล้วร้องไห้เสียใจ ที่ลากครูตัวเองออกมาทรมานจนตาย บอกว่าตอนนั้นเชื่อจริงๆว่ากำลังทำสิ่งที่ดีงาม ข่าวว่าลูกสาวเติ้งเสี่ยวผิงก็เป็น เรดการ์ดที่ออกมาต่อต้านพ่อตัวเอง

ในปัจจุบัน สงครามลัทธิการปกครองเปลี่ยนเป็นสงครามการค้า สำนักข่าวระดับโลก เช่น CNN ก็เป็นตัวแทนพิทักษ์ผลประโยชน์ของอเมริกา ยุโรปมีรอยเตอร์ ญี่ปุ่นก็มี NHK จีนมีซินหัว โลกอาหรับมีอัลจาซีรา ดังนั้นข่าวที่ชาวโลกบริโภคกัน  บางข่าวถูกปรับเปลี่ยน แต่งเสริมอย่างแนบเนียนเพื่อผลประโยชน์ที่อยู่เบื้องหลัง

ในความขัดแย้งแบ่งแยกสีในเมืองไทย ใครติดตามข่าวด้วยใจเป็นกลาง ก็จะพอมองเห็นว่า ค่ายโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์หัวไหนอยู่สีอะไร ซึ่งมีทั้งที่ชัดเจนประกาศกันโต้งๆ และมีที่แอบแดง แอบเหลือง แล้วประกาศว่าเป็นกลาง

ในโลกไม่มีสำนักข่าวใดเป็นกลางจริงๆ หรอก แม้แต่ในโลกโซเชียลมีเดีย ก็มีข่าวหลอกข่าวลวงตลอด เพราะฉะนั้นชาวบ้านผู้เสพสื่อโดยไม่แยกแยะ จึงกลายเป็นเหยื่อการโฆษณาชวนเชื่อของข่าวทั้งหลายไปโดยไม่รู้ตัว

วิญญูชนเมื่อรับรู้ข่าวสาร อย่าพึงเชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง อย่าเพิ่งวิพากษ์วิจารณ์ในทันที เพราะความเห็นของท่านจะผูกมัดตัวเองในภายหลัง แม้รับรู้ความจริงที่ขัดแย้งกับสิ่งที่วิจารณ์ไป ก็จะเกิดทิฐิมานะหลอกตัวเองให้ไม่ยอมพิจารณาความจริงด้วยใจเป็นธรรม และบางคนถึงกับสะกดจิตตัวเองให้แสดงความเป็นปฏิปักษ์เพื่อปกปิดความเสียหน้า เลยยิ่งถลำลึกลงไปในบ่วงของมารอย่างถอนตัวไม่ขึ้น