วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

มิใช่ของใหม่!!!

ของใหม่และของเก่า เล่าสู่กันฟัง

       ต้องขออภัยสำหรับผู้ที่อาจจะมีจิตใจที่งดงามอยู่แล้ว แม้ไม่อยากจะอ่านจะเห็น หรืออาจจะไม่อยากได้ยิน แต่เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ถ้าผู้ติดตามข่าวทางหนังสือพิมพ์หรือสื่อทุกประเภท จะพบว่า ข่าวในเมืองไทย ส่วนใหญ่แล้วเป็นข่าวที่ลงต่อว่าพระสงฆ์ไม่เว้นแต่ละวัน จาบจ้วงแม้กระทั่งสถาบันสูงสุดของพระพุทธศาสนาคือ มหาเถรสมาคม ที่มีสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นประมุข หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสถาบันที่มีสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นพระราชาแห่งคณะสงฆ์ทั้งแผ่นดินนั่นเอง ซึ่งในฐานะเราเป็นชาวพุทธคนหนึ่งที่เฝ้าดู และติดตามการกระทำของบุคคลกลุ่มหนึ่งที่ประทุษร้ายพระสงฆ์ด้วยคำพูดที่เสียหาย ทำลายศรัทธาของชาวพุทธมานานนับหลาย 10 ปี จะขอเล่าเรื่องราวที่คล้ายในอดีตสู่กันฟัง...

          จริง ๆ แล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวพุทธไม่ใช่ของใหม่ เป็นคล้ายเรื่องเก่าที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เรามาดูตัวอย่างกัน

ใครคนหนึ่ง : ที่มีบุญได้เกิดเป็นลูกกษัตริย์

ใครคนหนึ่ง : ที่มีบุญที่ได้เกิดเป็นชาย ที่มีโอกาสได้บวชเป็นพระ ผู้หญิงบวชพระไม่ได้

ใครคนหนึ่ง : ที่มีบุญได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี

ใครคนหนึ่ง : ที่มีบุญ : เกิดเป็นญาติกับพระนางยโสธรา พระชายาของเจ้า

ชายสิทธัตถะ ซึ่งต่อมาได้บวชและตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา

ใครคนหนึ่ง : ที่มีบุญ : ได้มาบวชเป็นพระภิกษุ ในสำนักของพระพุทธโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า

ใครคนหนึ่ง : ที่มีบาปเข้ามาแทรก : ได้มาบวชในสำนักของพระพุทธองค์ แล้วอยากเป็นใหญ่ ด้วยการคิดล้มล้างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วสถาปนาตนเองขึ้นปกครองสงฆ์ทั้งหมดแทน แล้วเขาก็มีความพยายามทุกวิถีทางเช่นกัน

ใครคนหนึ่ง : ที่มีบาปเข้ามาแทรก : จนเขาพยายามฆ่าพระพุทธองค์ด้วยการจ้างนายขมังธนูมาลอบยิงหวังปลงพระชนม์

ใครคนหนึ่ง : ที่มีบาปเข้ามาแทรก : ทำให้เขาคนนั้นพยายามชักชวนหมู่สงฆ์ให้แตกแยกทั้งที่ตอนนั้นยังมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปกครองอยู่ซึ่งเป็นกรรมหนังหรือเรียกว่า สังฆเภท
ใครคนหนึ่ง : ที่มีบาปเข้ามาแทรก : ทำให้เขามีฤทธิ์มากขนาดหลอกให้พระเจ้าอชาติศัตรูฆ่าพระบิดาของตนเองได้

ใครคนหนึ่ง : คนๆ นั้น ในพระไตรปิฎกบันทึกเอาไว้คือ พระเทวทัต ที่ทุกคนรู้จักดีนั่นเอง 
        
       ด้วยผลการกระทำต่าง ๆ ที่เป็นกรรมหนักหรือครุกรรมของพระเทวทัต ท้ายที่สุดแม้แผ่นดินที่หนาและแข็งแกร่งขนาดรองรับภูเขาได้แต่ไม่สามารถรองรับวิบากกรรมชั่วที่สะสมอยู่ในใจของพระเทวทัตได้ จึงแยกออกและมีเปลวไฟนรกพุ่งออกมาและสูบร่างของพระเทวทัตลงสู่อเวจีมหานรกในที่สุด 

      โชคดีที่ก่อนตาย แม้จะประกอบกรรมชั่วไว้มากมาย แต่พระเทวทัตกลับสำนึกได้เมื่อธรณีสูบเหลือแค่คอ ได้น้อมเอาศรีษะถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระศาสดา พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่า ในอนาคตกาลพระเทวทัตจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พระนามว่า อัฏฐิสสระ ด้วยผลบุญนั้น

       พระเทวทัตต้องไปเสวยวิบากกรรมในอเวจีมหานรกอย่างทุกข์ทรมานไม่มีสิ่งใดเปรียบอีกยาวนานนับประมาณมิได้ กรรมหนักเช่นนี้ทำให้ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ ยืดเยื้อเวลาในการบรรลุธรรมเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าไปอีกยาวนานแสนนาน... กว่าจะถึงวันหมดกิเลส!!! 

 พิณสายกลาง