ท้ายสุดของชีวิตก็ยังสำนึกบาป ได้ขอขมาพระบรมศาสดาสัมมามาสัมพุทธเจ้า
คนเราจะดีหรือเลวบางทีก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับครอบครัวหรือพ่อแม่เสมอไป บางคนก็พาลเพราะสิ่งแวดล้อม บางคนก็ติดนิสัยเชื้อพาลมาข้ามชาติ บางคนพาลเพราะคบคนพาลอันนี้จะมีเยอะ
คนดีจะมีนิสัยพื้นฐานอยู่อย่างคือ ขี้เกรงใจ ไม่ชอบการขัดแย้งกับใคร แต่คนพาลนั้นจะตรงกันข้ามทำให้คนพาลจึงมีอิทธิพล
คนดีจึงมักถูกรังแก และเหมือนว่าคนพาลแม้มีน้อยแต่ก็เสียงดัง ยิ่งมีกลุ่มอิทธิพลหนุนหลังจะยิ่งสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายได้ในวงกว้างมากเท่านั้น เพราะใครก็ทำอะไรไม่ได้ แม้กระทั่งกฎหมายบ้านเมืองเองก็ยังไม่กล้านำออกมาใช้กับคนพวกนี้
ดูจากพระเทวทัตที่เป็นพาลองค์เดียว ก็ยังทำให้เมืองทั้งเมืองต้องปั่นป่วนเกิดเรื่องเลวร้ายกันไปทั่ว พระเจ้าอชาติศัตรูถึงขั้นปลงพระชนม์พระราชบิดา
ดูจากพระเจ้าอชาตศัตรูแล้วพระองค์เกิดมาในตระกูลกษัตริย์ที่เพียบพร้อม พระชนกพระชนนีล้วนทรงทศพิธราชธรรม โดยเฉพาะพระเจ้าพิมพิสาร พระราชบิดานั้น ทรงเป็นถึงพระโสดาบันที่มั่นคงต่อพระรัตนตรัยอย่างแน่วแน่
แต่พระเจ้าอชาตศรัตรูกลับเลื่อมใสในคนพาลคือพระเทวทัต
แม้พระเทวทัตเองก็เป็นเจ้าชายเกิดในตระกูลกษัตริย์แต่ทรงมีนิสัยพาลติดตัวมาข้ามชาติอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกิดความน้อยใจจึงคิดการใหญ่ปกครองสงฆ์เสียเอง เมื่อครอบงำพระเจ้าอชาตศรัตรูได้ พระเทวทัตจึงมีอิทธิพลในพระราชสำนัก
แผนการมุ่งร้ายต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และผู้มีอิทธิพลที่เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธองค์คือสิ่งที่เขาต้องจัดการ
ดังนั้นพระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของแคว้นมคธคือสาวกผู้เลื่อมใสคนสำคัญที่จะต้องจัดการให้สิ้นซาก พระเทวทัตจึงยุยงพระเจ้าอชาตศรัตรู ให้ทำปิตุฆาตพระราชบิดาเสีย
ถึงตอนนี้บางท่านคงมีคำถามในใจว่า พระเจ้าอชาตศรัตรูเองไม่ทรงเอะใจเลยหรือ? พระราชบิดาทรงรักพระองค์ขนาดยอมทำตามทุกอย่าง ไม่เคยคิดร้าย รู้ทั้งรู้ว่าพ่อไม่เคยทำอันตรายแต่ทำไมจึงเชื่อคำยุยงของพระเทวทัต ข้อนี้คือสิ่งที่น่าสนใจถ้าเทียบกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ส่วนพระเทวทัตเองก็มุ่งโจมตีพระพุทธเจ้าให้คนเสื่อมศรัทธา เมื่อทำลายศรัทธาไม่ได้จึงมุ่งร้ายถึงชีวิต
เอาช้างตกมันที่ดุร้ายหมายปลงพระชนม์ชีพ พอไม่สำเร็จก็จ้างนายขมังธนูอีก10 ชุดวางไว้ตามจุดต่างๆที่พระพุทธองค์เสด็จผ่าน โดยวางแผนซ้อนแผนเมื่องานสำเร็จจะปิดปากโดย ยืมมือคนทั้งหมดสังหารกันเองด้วย แต่ด้วยพุทธานุภาพทำให้ทุกคนรอดชีวิตและกลับตัวกลับใจพร้อมเผยแผนการร้ายทั้งหมด
แต่กฎหมายบ้านเมืองไม่สามารถเอาผิดได้คนจ้างวานได้ เมื่อแผนนี้ไม่สำเร็จก็เลยลงมือเอง โดยกลิ้งหินบนเขาคิชกูฎเพื่อให้หล่นทับเมื่อพระพุทธองค์เสด็จผ่าน แต่ก็ได้แค่เพียงเศษหินกระเด็นมากระทบข้อพระบาทให้ห้อพระโลหิตเท่านั้นเอง เมื่อทำอะไรไม่ได้ความแค้นยังแน่นจุกอก
จากนั้นพระเทวทัตก็เข้าไปขอปกครองสงฆ์และปฎิรูปพระศาสนาเสียเองโดยยื่นข้อเสนอ 5 ข้อ โดยอ้างว่าพระบรมศาสดานั้นทรงพระชราภาพ และไม่เคร่งครัดพระธรรมวินัย พระที่เคร่งต้องบิณฑบาตเป็นวัตร ต้องงดฉันเนื้อสัตว์ให้ฉันมังสวิรัติเท่านั้นเป็นต้น และแต่ละข้อล้วนสุดโต่งทั้งนั้น พระบรมศาสดาทรงปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว แต่ทรงให้แนวทางไว้ ไม่บังคับใคร พระเทวทัตก็ถือเหตุนี้เป็นข้ออ้างว่าตัวเองเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่า กล่าวโจมตีพระพุทธเจ้า ทำให้สาวกที่เลื่อมใสและเชื่อถือตามไปอยู่ด้วย
ข้อสังเกตสาวกที่ตามพระเทวทัตในยุคนั้น แม้เกิดทันพระพุทธเจ้าก็ยังนั้นก็หลงเชื่อคำพูดพระเทวทัต ที่บอกว่าตัวท่านเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่าพระพุทธเจ้า โดยลืมดูพฤติกรรมที่จ้วงจาบและขาดความเคารพ ตัวสาวกที่ตามพระเทวทัตไปก็ยังไม่ได้รู้พระธรรมวินัยอะไรเท่าไหร่แทนที่จะเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกหมู่ใหญ่ ที่มีตั้งมากมาย กลับเชื่อพระเทวทัตเพียงองค์เดียว หรือเป็นเพราะพระเทวทัตนั้นมีพระเจ้าอชาตศัตรูและผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเลื่อมใสคอยถือหางหรืออย่างไร???
แต่สุดท้ายด้วยกรรมที่หนักเกินจนทำให้แผ่นดินที่หนาถึง สองแสนสี่หมื่นโยชน์ก็มิอาจต้านทาน พระแม่ธรณีได้แยกหนีเพื่อให้นรกอเวจีรับตัวไป ก่อนแผ่นดินสุดท้ายจะปิดลงยังคงเหลือส่วนที่ให้พระเทวทัตได้สำนึกผิดในบาปอันมหันต์ที่ทำลงไป นึกถึงพระคุณอันไม่มีประมาณของพระพุทธเจ้า จึงอากระดูกคางเกยแผ่นดินแทนกราบขอขมาในวาระสุดท้ายก่อนอเวจีจะมหานรกจะสูบลงไปพร้อมพระแม่ธรณีปิดตำนานคนบาปลง
อยากฝากเป็นข้อคิดให้ทุกคนในสังคมไทย อย่าได้ฝักใฝ่คนพาล คนพาลนั้นดูไม่ยาก พวกนี้จะใจขุ่นมัวเป็นปกติ
คิดแต่เรื่องไม่ดี พูดแต่เรื่องไม่ดี ไม่ชอบระเบียบวินัย ชอบจับผิดกล่าวหาคนอื่นเป็นต้น
เรามาดูว่า เรายังคบคนพาลอยู่หรือเปล่า หรือว่าเราเป็นพาลซะเอง อย่าปล่อยให้ทุกอย่างสายเกินแก้
อย่าปล่อยให้ตัวเองไม่เข้าใจต้องตายไปพร้อมกับใจที่เป็นพาล
ไม่มีความคิดเห็น:
ไม่อนุญาตให้มีความคิดเห็นใหม่